ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือ
1. ละติจูด ทวีปอเมริกาเหนือตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนือใกล้ขั้วโลกเหนือ จึงทำให้มีเขตภูมิอากาศทุกประเภทตั้งแต่อากาศร้อนไปจนถึงอากาศหนาวเย็นแบบขั้วโลก
2. ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปอเมริกาเหนือ มีความแตกต่างกันตามช่วงละติจูด มีลมประจำที่สำคัญดังนี้
1. ละติจูด ทวีปอเมริกาเหนือตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนือใกล้ขั้วโลกเหนือ จึงทำให้มีเขตภูมิอากาศทุกประเภทตั้งแต่อากาศร้อนไปจนถึงอากาศหนาวเย็นแบบขั้วโลก
2. ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปอเมริกาเหนือ มีความแตกต่างกันตามช่วงละติจูด มีลมประจำที่สำคัญดังนี้
- ลมด้านตะวันออกเฉียงเหนือ พัดตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใต้พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่ทวีป จึงทำความชุมชื้นมาให้ชายฝั่งตะวันออกของทวีปตลอดทั้งปี ตั้งแต่ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อเมริกากลางและหมู่เกาะอินดิสตะวันตก
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือถึง 60 องศาเหนือ พัดจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่ตอนกลางถึงตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและตอนใต้ของแคนาดา
- ลมขั้วโลก พัดอยู่บริเวณขั้วโลกนำความหนาวเย็นมาให้พื้นที่ทางตอนบนของทวีป
3. ความใกล้ไกลทะเล จากลักษณะรูปร่างของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งตอนบนจะกว้างใหญ่ และค่อย ๆ เรียวแคบลงมาทางตอนใต้ ทำให้ตอนบนของทวีปได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรน้อย จึงทำให้พื้นที่ตอนบนมีภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง
4. ทิศทางของเทือกเขา ทิศทางการวางตัวของเทือกเขาในทวีปอเมริกาเหนือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้พื้นที่ทางตอนในของทวีปมีอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง โดยเฉพาะเทือกเขาทางตะวันตกของทวีป ซึ่งเป็นเทือกเขายุคใหม่ที่สูงมาก จึงขวางกั้นความชื้นที่มากับลมประจำ
5. กระแสน้ำ ทวีปอเมริกาเหนือมีกระแสน้ำ 4 สาย ซึ่งมีอิทธิพลต่ออากาศบริเวณชายฝั่งโดยกระแสน้ำอุ่น ทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งอบอุ่นชุมชื่น ส่วนกระแสน้ำเย็นทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งเย็นและแห้งแล้ง
4. ทิศทางของเทือกเขา ทิศทางการวางตัวของเทือกเขาในทวีปอเมริกาเหนือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้พื้นที่ทางตอนในของทวีปมีอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง โดยเฉพาะเทือกเขาทางตะวันตกของทวีป ซึ่งเป็นเทือกเขายุคใหม่ที่สูงมาก จึงขวางกั้นความชื้นที่มากับลมประจำ
5. กระแสน้ำ ทวีปอเมริกาเหนือมีกระแสน้ำ 4 สาย ซึ่งมีอิทธิพลต่ออากาศบริเวณชายฝั่งโดยกระแสน้ำอุ่น ทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งอบอุ่นชุมชื่น ส่วนกระแสน้ำเย็นทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งเย็นและแห้งแล้ง
1. กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ไหลเลียบชายฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกาทางใต้ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนิวฟันด์แลนด์ของแคนนาดา
2. กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ลงมาจนถึงชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา พบกับกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม บริเวณเกาะนิวฟันด์แลนด์จึงทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งปลาชุม เนื่องจากมีอาหารปลาจำนวนมาก กลายเป็นเขตทำประมงที่สำคัญ เรียกบริเวณนี้ว่า “แกรนด์แบงค์” (Grand Bank)
แกรนด์แบงค์
3. กระแสน้ำอุ่นอลาสกา ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของรัฐอลาสกาขึ้นไปทางเหนือจนถึงช่องแคบเบริง ทำให้ชายฝั่งอบอุ่น น้ำไม่เป็นน้ำแข็งสามารถจอดเรือได้ตลอดปี
4. กระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนีย ไหลเลียบชายฝังตะวันตกของสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้จนถึงชายฝั่งคาบสมุทรแคลิฟอร์เนีย ทำให้ชายฝั่งมีอากาศเย็นและแห้ง
ข้อมูลน่ารู้ พายุที่มีอิทธิพลต่อลมฟ้าอากาศของทวีปอเมริกาเหนือเป็นอย่างมากคือ
- พายุเฮอริเคน เป็นพายุหมุนเขตร้อน เช่นเดียวกับใต้ฝุ่น พายุนี้เกิดในทะเลแคริเบียน และอ่าวเม็กซิโก เป็นพายุที่ทำให้ฝนตกหนัก คลื่นลมแรงเคลื่อนตัวจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และหมู่เกาะในทะเลแคริเบียน
- ทอร์นาโด เนื่องจากบริเวณภาคกลางของสหรัฐอเมริกาเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ทำให้มวลอากาศปะทะกันได้ง่ายเกิดเป็นพายุหมุนทอร์นาโด มีกำลังแรงมาก ก่อให้เกิดความเสียหายกับบ้านเรือน ในรอบ 1 ปีเกิดพายุนี้ได้บ่อยครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “พายุประจำถิ่น” ของสหรัฐอเมริกา
เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 12 เขต ได้แก่
1. ภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ได้แก่ บริเวณชายฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง และบางส่วนของหมู่เกาะอินดีสตะวันตก มีอากาศร้อนเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียสและมีฝนตกชุกเฉลี่ย 1,700 มิลลิเมตรต่อปี ในเขตนี้ไม่มีฤดูหนาว
2. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ บริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก มีอากาศร้อนจัดและมีฝนตกน้อยมาก เฉลี่ย 250 มิลลิเมตรต่อปี
3. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน ได้แก่ ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกากลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของเม็กซิโก บางส่วนของหมู่เกาะอินดีสตะวันตก และทางตอนใต้สุดของคาบสมุทรฟลอริดา มีอุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว คือ ฤดูหนาวอากาศหนาวจัดฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดและมีฝนตก
4. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ บริเวณชายขอบของเขตทะเลทรายเริ่มตั้งแต่บางส่วนของประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีลักษณะภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้ง ฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด ฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณฝนไม่มากนัก แต่มากกว่าในเขตทะเลทราย
5. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ในฤดูร้อนมีอากาศไม่ร้อนจัด ในฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่นแห้งแล้งและมีฝนตก
6. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและที่ราบตอนกลางของทวีป อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีมีความใกล้เคียงกัน มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปีเฉลี่ย 750 มิลลิเมตรต่อปี
7. ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก ได้แก่ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปีเฉลี่ย 2,000 มิลลิเมตรต่อไป ฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและค่อนข้างหนาวเย็น ฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่น
8. ภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีป ได้แก่ ตอนใต้ของประเทศแคนาดารอบ ๆ ทะเลสาบทั้ง 5 และภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา ในฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ในฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและมีฝนตก
9. ภูมิอากาศแบบไทกา ได้แก่ ภาคเหนือของประเทศแคนาดา และตอนใต้ของรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวจัด มีหิมะตกติดต่อกันหลายเดือน ฤดูร้อนมีอากาศเย็น มีปริมาณฝนตกน้อยและระยะสั้น ๆ
10. ภูมิอากาศแบบทุนดรา ได้แก่ ชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก ภาคเหนือของแคนาดา รัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา และชายฝั่งเกาะกรีนแลนด์ มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดทั้งปี ฤดูร้อนมีช่วงสั้นและอุณหภูมิต่ำเฉลี่ยตลอดทั้งปี 10 องศาเซลเซียส
11.ภูมิอากาศแบบขั้วโลก ได้แก่ ตอนกลางของเกาะกรีนแลนด์ มีอากาศหนาวจัดมีน้ำแข็งปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี บริเวณตอนกลางของเกาะมีน้ำแข็งปกคลุมหนาถึง 3,000 เมตร
12. ภูมิอากาศแบบบริเวณภูเขาสูง ได้แก่ เทือกเขาสูงในภาคตะวันตก เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก ขึ้ออยู่กับความสูงของพื้นที่ เช่น ในฤดูร้อนด้านที่รับแสงแดดอากาศร้อนจัด ในด้านตรงกันข้ามจะมีอากาศหนาวเย็น ในแถบหุบเขาจะมีอากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน อุณหภูมิจะต่ำลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น บริเวณยอดเขามีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ ในบริเวณนี้มีฝนตกน้อย
ดีมากเลยคะ อ่านก่อนสอบดีมาก❤️
ตอบลบเนื้อหาแน่นมาก ขอบคุณค่าาา
ตอบลบ